วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

วันจันทร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ชาญ โชคชัย 101

"ชื่อชาญ โชคชัย ครับ"
"แล้วนามสกุลหล่ะ?"


"ชื่อชาญครับ"
"แ้ล้วชื่อจริงหล่ะ?"


นี่คือคำถามที่ผมได้เจอบ่อยมากอันเนื่องมาจากชื่อของผมครับ
เพราะว่ามันสั้น ห้วน จนแทบจะเป็นชื่อเล่นอยู่แล้ว แต่ว่า
ชื่อ ชาญของผมนั้น มันก็มีที่มานะครับ


ชาญ โชคชัย ชื่อนี้มีความหมายและมีที่มาครับ


ถ้าจะพูดกันเรื่องชื่อผมนั้น คงจะต้องร่ายยาวในเรื่องประวัติในชั้นต้นตั้งแต่เกิดกันเลยทีเดียวเชียว
จะอยากรู้หรือไม่ก็ช่างคุณๆนะครับ ถ้าอยากรู้ที่มาขอชื่อ ชาญ โชคชัย ก็คงต้องอ่านฝ่าดงประวัติของผมไปก่อนละ

ผมเกิดในปี2525ครับ ได้ฟังจากแม่ว่าเป็นปีที่หนาวมากปีหนึ่ง (เรื่องนี้จะส่งผลให้ผมเป็นคนขี้หนาวด้วยหรือปล่าวนั้นไม่ทราบได้) หลังจากได้ลืมตาดูโลกที่โรงพยาบาลหัวเฉียว ซึ่งเป็นที่ที่พ่อกับแม่ทำงานอยู่ แม่เล่าว่าได้ใช้สิทธิ์พยาบาลของโรงพยาบาล คลอดฟรีหรือว่าได้ส่วนลดพิเศษ แถมได้นอนห้องเดี่ยวตามปีที่แม่ทำงานมาแล้วหลายปีนี่ละ สบายเลยครับว่างั้นเถอะ แต่ที่ไหนได้แม่เล่าสำทับตามมาด้วยว่าผมร้องแหกปากทั้งวันทั้งคืน ไม่ยอมเงียบ ราวกับว่าไม่อยากให้แม่พักอย่างนั้น(แม่ครับป๋มขอโต๊ด) แม่กับพ่อเลยต้องลี้พักเสียงร้องกลับมาอยู่บ้านกัน เป็นอันว่าได้ใช้สิทธิ์นอนฟรีอยู่ 2 คืน

เรื่องราวระหว่างกลับมาบ้าน นอนตัวแดงหัวผมหร๋อมแหร๋มจนตั้งชื่อผมนั้นผมก็จำไม่ไคร่ได้เท่าไหร่นัก ซ้ำแถมไม่ได้มีใครเล่าไว้เสียด้วย รู้เพียงแต่ว่าแรกเริ่มเดิมทีนั้น ชื่อที่ได้ลงทะเบียนแจ้งเอาไว้ในสูติบัตรนั้น ไม่ได้ใช้ชื่อชาญนะครับ แต่ว่าใช้ชื่อว่า "ต้า" ใช่ครับ เด็กชาย ต้า โชคชัย นี่แหละครับ คำว่า ต้า นั้น เป็นภาษาจีนกลางครับ อาม่าเป็นผู้ตั้งให้ แปลว่า "ใหญ่ "^^  อาม่าชอบตั้งชื่อลูกๆหลานๆเป็นภาษาจีนครับ ของผมตั้งชื่อง่ายๆ เรียกง่ายๆ เขียนง่ายๆ (ส่งผลมาถือลูกพี่ลูกน้องผม เจ้าขล่ยก็ได้ชื่อจีนมาว่า จง แปลว่ากลางครับ)

ต่อมาคาดว่าคงจะอยากที่จะตั้งชื่อลูกคนแรก หลานคนแรกเป็นชื่อไทยกระมังครับ จึงได้มีการคิดตั้งชื่อขึ้นมาโดยทั้งบ้าน ได้ลงนามข้อตกลง ว่าด้วยการตั้งชื่อไทยของเด็กชายต้าว่า
1.ต้องเป็นชื่อที่อ่านง่าย เรียกง่าย ทั่วโลก นานาชาติ โดยตั้งภาษาที่ฮิตๆกันเป็นเกณฑ์อันได้แก่ ภาษาไทย (แน่ละ) ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ

2.เมื่อมีการเรียงลำดับชื่อตามอักษรแล้วต้องอยู่อันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเขียนด้วย ภาษาไทยหรือว่าภาษาอังกฤษ

ไม่ต้องมีถึงข้อสาม ก็รู้สึกว่าจะยากพอแล้ว ทั้งบ้านจึงร่วมกันคิดชื่อที่สามารถตั้งได้โดยไม่ผิดข้อตกลงตามที่ได้ลงนามความร่วมมือเอาไว้ครับ

กระบวนการคิดจะเป็นเช่นไร จะมีการถกเถียงกันขนาดไหนนั้น ผมก็ไม่ทราบได้ ตอนนั้นมัวแต่เอาหัวเหม่งซุกผ้าอ้อมอยู่ ไม่ได้ว่างขนาดที่จะมานั่ง(นอน)จำอะไรต่อมีอะไรหรอกนะครับ

สุดท้าย
ชื่อที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นเอกฉันท์ก็คือ" ชาญ " ครับ
ซึ่งแน่นอนว่า
1.สามารถ เรียก อ่าน และเขียนได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย(แน่ละ) ภาษาจีน และภาษาอังกฤษ โดย อิงว่า คงจะเรียกว่า ชาง (ใช่แล้วเหมือนแจ๊คกี้ ชางนั่นแหละ) และ ชาร์ล (ใช่แล้วเหมือนชาร์ล บรอนสันนั่นแหละ) 
2. ไม่ว่าจะเเขียนว่า ชาญ หรือ Charn ต่างก็มาในอันดับต้นๆเมื่อเรียกลำดับชื่อตามอักษร ส่งผลให้ผมไม่เคยได้เลขที่นักเรียน เกินอันดับที่ 5เลยครับ(ส่งงานก่อน เช็คชื่อก่อน ประจำ T-T)

นอกจากนั้น ยังเข้ากันกับนามสกุล โชคชัย อีกด้วย

จากวันนั้น สูติบัตรของผม ก็มีรอยปากกาขีดคร่อมชื่อ "ต้า" ที่กลายเป็นชื่อเล่น แล้วเขียนชื่อ"ชาญ"ลงไปแทน

จนกลายเป็น เด็กชาย ชาญ  โชคชัย (ใช่ครับ ชื่อชาญ  นามสกุลโชคชัย) จนทุกวันนี้ครับ

วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

อยากเขียน 101

คนจะอยากรู้เรื่องของฉันทำไมกัน
คนคนนั้นธรรมดาจะสุดแสน
คนคอยเล่าขียนออกไปถูกดูแคลน
คนไร้แฟน ไร้ไล้ค์ให้ชืนชม

ยิ่งตั้งหน้าตั้งตาอยากจะเขียน
ยิ่งพากเพียรหาเรื่องที่เหมาะสม
ยิ่งหาเรื่องที่คนอ่านเขานิยม
ยิ่งลุกล้มหายากลำบากใจ

แต่อยากเีขียนอยากพิมพ์ด้วยใจอยาก
แต่อยากมากอยากอยู่แม้ไม่ไหว
แต่ไม่รู้จะเขียนเรื่องอะไร
แต่ยังไงก็เขียนได้ มาหลายตัว

ขอให้คุณที่ผ่านมาอ่านเรื่องนี้
ขอให้มีความสุขไม่ส่ายหัว
ขอให้รู้จะจบแล้วอย่างชัวร์ๆ
ขอให้รัวกดไลค์ก่อนไปเอย

วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

สนิมเป็นลูกสลวย

ผมมีแฟน
ชื่อหน่อง
บ้านหน่องมีแมว
แมวหน่องชื่อสลวย
เรียกว่าอีหลวย
อีหลวยตัวเมีย
อีหลวยสีขาว
เป็นแมวเปอร์เซียร์
ได้มาจากครู
ครูชื่อว่าตุ๊ก
เรียกว่าครูตุ๊ก
อีหลวยสีขาว
โตแล้วเป็นสาว
แมวสาวต่างชาติ
เป็นที่เขม่น
ของแมวเจ้าถิ่น
ชื่อว่ามื้อเช้า
ลูกสาวคนโต
ของนังคุณนาย
คุณแมวตัวแม่
แมวเก่าแมวแก่
มื้อเช้าพี่ใหญ่
กลางวันคนรอง
มื้อเย็นสุดท้อง
คลานตามกันไป
เหลือแต่มื้อเช้า
กับสาวสลวย
สลวยสวยเก๋
เดิมชื่อเท่มาก
ชื่อว่าถ้วยฟู
สุดท้ายผมเปลี่ยน
เป็นสลวย
เพราะขนรุงรัง
สลวย
ต่อมาไม่นาน
มีแมวตัวผู ้
หน้าตาคมเข้ม
มาขออาศัย
ร้านอาโอบ้านหน่อง
ขายดิบขายดี
ล้วนมีกำไร
แม่ตั้งชื่อให้
ว่าคุณมารวย
รวมแล้วสามตัว
อยู่กันคึกคัก
มื้อเช้าสลวย
และคุณมารวย
แยกชั้นกัน ไป
สามชั้นสามตัว
อยู่มาไม่นาน
เริ่มเกิดเหตุการณ์
สลวยเป็นใจ
โดนมารวยจีบ
กุ๊กกิ๊กกุ๊กกิ๊ก
กันใหญ ่
แล้วมื้อเช้าก็
อ้วนๆกลมๆ
มือนมใหญ่ๆ
ไชโยไชโย
ท้องแน่แล้วไง
มารวยทำนิ่ง
เมี้ยวเมี๊ยวเก่งไม๊?
ผ่านไปหลายเดือน
ลุ้นๆทุกวัน
โผล่หน้ามาดู
หัวดำปิ๊ดปี๋
น้องแมวลูกครึ่ง
เปอร์เซียร์บวกไทย
มารวยตื่นเต้น
เมี๊ยวเมี๊ยวเก่งไหม
ลูกผมสวยหล่อ
เหมือนพ่อไม๊เอ่ย
มารวยโวยวาย
ลั่นบ้านทั่งวัน
พ่อแม่พี่น้อง
ทั้งหน่องก็ด้วย
ตื่นเต้นตื่นเต้น
ลูกแมวตัวใหม่
ยินดีต้อนรับ
ลูกของสลวย
กับคุณมารวย
ชื่อว่าสนิม
สนิมเป็นลูกสลวย
Published with Blogger-droid v1.6.8

วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2554

สิ่งที่รับรู้ก่อนวัย30 เรื่องที่ต้องรู้

เรื่องที่ต้องรู้

โลกเรากว้างจริงๆ นั่นคือสิ่งที่รับรู้ได้อย่างชัดเจนก่อนวัย20
การเรียนรู้ และศึกษา แม้จะงูๆปลาๆ กระท่อนกระแท่น บวกกับอาศัยครูพักลักจำ มาเกือบสิบปี
สั่งสมประสบการณ์ได้พอควรที่จะไม่โดนว่า"ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด"
วันนี้รู้สึกได้จากใจจริงและชัดเจนว่า
"ความรู้มันไม่มีวันท่วมหัวสักหน่อย"

มีผู้รู้เคยกล่าวถึงทฤษฎีแห่งอำนาจยุคใหม่ที่กำลังจะเปลี่ยน ไม่สิได้เปลี่ยนแปลงจากยุคเก่าที่เคยเป็น ใครมีอำนาจ ใครมีผู้คน ใครมีทรัพย์สิน ผู้นั้นจะเป็นผู้ชนะ กลายเป็น ใครมีเทคโนโลยี ใครมีข้อมูลข่าวสาร และใครมีความรู้ จะเป็นมากกว่าผู้ชนะ.

ผมรู้สึกยินดีกับตัวเองเป็นอย่างมากที่รับรู้ได้ทันว่า ยังไม่มีความรู้ มากพอที่จะเป็นแม้แต่ผู้เข้าร่วมแข่งขัน

ถึงกระนั้น
ผมก็ยังอยากเป็นผู้ชนะอยู่ดี

วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2553

หัดตีปิงปอง

พอย่างเข้าขวบปีที่28ก็เริ่มรู้สึกว่ามีหลายอย่างรอบตัวมากมายที่ยังไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่เคยทำ ทำไม่เป็น ความรู้สึก"เสียเวลา"ในการใช้ชีวิตของตัวเองเริ่มรับรู้ได้ง่ายขึ้นเรื่อยๆ..ดูท่าจะต้องใช้เวลากับอะไรบางอย่างให้ได้มาซึ่งความรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้ใช้ชีวิตอยู่
มีโครงการมากมายในหัวที่อยากจะทำ ตอนแรกๆหวังเอาไว้ว่าจะวิ่งที่สวนลุมให้มันจริงๆจังๆเสึยที หรือจะไปเต้นปอโนบิกก็คงเข้าท่าอยู่ แต่ด้วยสถานการณ์โอทีไม่เอื้ออำนวยต่อการใช้ชีวิต"ให้คุ้มค่า"ตามที่หวังไว้ ทีนี้จิตใจเริ่มห่อเหี่ยวลงไปอีกครั้ง
อยุธยาไม่สิ้นคนดี มีผู้ใจบุญนำโต๊ะปิงปองมาประดิษฐานเอาไว้ที่ห้องหัวโค้ง(ห้องดอง) ชั้นเก้า ความหวังของวัยย่าง30เริ่มเจิดจรัสขึ้นมาได้อีกคราหนึ่ง หลังจากชักชวนผู้คน จากแรกเริ่มแค่1 ไปเป็น2บางวันอาจขึ้นไปร่วม10
ผู้คนจากทั่วสารทิศมาร่วมกันตีลูกลมๆกันอย่างสนุก
ผมเองก็ได้อาศััยหัดตีไปด้วย
ในที่สุดก็ได้ออกกำลังลดหุ่นที่นับวันจะใกช้เคียงโดราเอมอนเข้สไปทุกทีและยังได้ใช้เวลาให้"คุ้ม"ทำสิ่งที่ยังทำไม่เป็นไปพร้อมกัน ประหนึ่งกินโอริโอแล้วได้ทั้งคุ๊กกี้และครีมไปพร้อมกันเลยทีเดียว
กลิ่นไอความจริงจังโชยไกล ความสนุกเกิดได้ที่ปลายไม้
จากคนที่ตีไม่เป็นเลย
ผมเริ่มตบเป็นแล้วนะครับ
Published with Blogger-droid v1.6.3